ลูกศิษย์ท่านพ่อไปชลบุรี

ท่านพ่อสุ่นท่านเกี่ยวพันกับเมืองชลมากเพราะท่านไปอยู่ถึง 5 – 6 ปี และถึงท่านกลับมาแล้วคนทางบางกะสร้อยก็ยังมาหาท่านอย่างสม่ำเสมอ ใช้เรือมาทีละหลายๆลำมาค้างที่วัดเยี่ยมเยียนท่านแล้วก็กลับและคงจะขอของดีจากท่านไปด้วย ท่านพ่อช่วงนี้อายุท่านก็มากขึ้นทุกที และท่านมีลูกศิษย์คนหนึ่งชื่อ พระอาจารย์มั่น และได้ศึกษาความรู้ทางหมอแผนโบราณจากท่าน จนท่านพ่อท่านมั่นใจแล้ว ว่าเรียนสำเร็จแล้วท่านจึงจะให้ไปรักษาผู้อื่นได้ และต่อมาเมื่อมีคนทางบางกะสร้อยมานิมนต์ท่านให้ไปรักษาโรคให้ ท่านก็เลยให้พระอาจารย์มั่นไปแทน เพราะท่านพ่ออายุท่านมากแล้วและการเดินทางไปบางกะสร้อยก็ ต้องใช้เวลาหลายวัน ท่านจึงใช้พระอาจารย์มั่นไปแทนท่านดังกล่าว หมอแถน ผ่องแผ้ว อายุ 84 ปี ผู้เล่าเรื่องนี้ได้เล่าว่า สมัยนั้นแกไปกับพระอาจารย์มั่นในฐานะลูกศิษย์พระอาจารย์มั่น และเมื่อไปถึงก็ได้ไปรักษาโรคให้คนแถวบางกะสร้อยหายแทบทุกคน เรียกว่ามารักษากับพระอาจารย์มั่นกี่คนๆ ก็หายหมด จึงทำให้ชื่อเสียงพระอาจารย์มั่นลูกศิษย์ท่านพ่อดังยิ่งนัก ถึงตอนนี้ “หมอฮวด” ซึ่งเป็นหมอประจำอยู่ที่นั่นไม่พอใจที่คนต่างถิ่นมารักษาเก่งกว่าตน จึงมาดักยิงพระอาจารย์มั่นกับนายแถนที่บ้านใบฎีกาชื่อ “นาค” ซึ่งเป็นบ้านที่พระอาจารย์มั่นกับนายแถนพักกัน โดยมายิงตอนค่ำแต่ปรากฎว่าปืนยิงไม่ออก เมื่อยิงไม่ออกหมอฮวดจึงหนีไปเพราะเป็นการยิงซึ่งๆหน้า ลุงแถนเล่าว่าในตัวแกมีสีผึ้งท่านพ่อสุ่นและมีพระอยู่ในนั้น พระนั้นเล็กมากโตกว่าเม็ดงาหน่อยเดียว แกบอกว่าไม่รู้ว่าเป็นพระอะไร และเมื่อเปิดตลับสีผึ้งดูคราวใด พระนั้นจะเดินเป็นทางในตลับสีผึ้ง ลุงแถนบอกว่าท่านพ่อพูดกับแกว่า “พระนี้สามารถปิดโปได้” และนอกจากสีผึ้งแล้วลุงแถนยังมีตะกรุดท่านพ่อคาดไว้ที่เอวอีก และหมอฮวดเมื่อหนีไปแล้วรุ่งเช้าได้มายกมือไหว้ขอรับผิดกับพระอาจารย์มั่นและขอเรียนทางหมอรักษาคนกับอาจารย์มั่น แต่อาจารย์มั่นท่านไม่ยอมรับ และต่อมาพระอาจารย์มั่นกับหมอแถนก็รักษาคนแถวนั้นจนหมด ชื่อเสียงจึงโด่งดังยิ่งนัก และต่อมาก็เดินทางกลับแหลมสิงห์

ใส่ความเห็น