ท่านพ่อสุ่นเมื่อท่านจะทำพิธีลงตะกรุด 3 กษัตริย์นั้น ท่านจะทำพิธีอย่างที่ว่าพิถีพิถัน ท่านจะล้อมวงสายสิญจ์ และจัดของบูชาครูอาจารย์ดังนี้ หัวหมู 9 หัว บายศรี 9 ต้น และข้าวตอกดอกไม้ และคนที่จะเข้าพิธีนอกจากพระแล้วผู้ที่เป็นฆราวาสซึ่งจะเข้าไปร่วมท่านจารยันต์ต่างๆใส่แผ่น ทอง นาค เงิน จะต้องนุ่งขาว ห่มขาว และมีความรู้ทางอักขระขอมเข้าใจยันต์พระคาถา และจะต้องรับศีล 5 มาแล้ว จึงจะเข้าร่วมพิธีในวงสายสิญจ์ได้ และวันนั้นถ้าผู้ใดจะต้องการจะให้ท่านทำตะกรุดไว้ใช้ป้องกันตัวก็ให้นำแผ่นทองมา 1 บาท นาค 1 บาท เงิน 1บาท แผ่มาให้ท่าน ท่านก็จะจานและปลุกเสกให้ และถ้าผู้ใดมีประวัติทางเจ้าชู้ผิดลูกผิดเมียเขา ถ้านำแผ่นทอง นาค เงินมาลงกับเขาด้วย ท่านก็จะว่า ” มึงอย่ามาลงเลย ถึงมึงลงไปก็ใช้ของไม่ขึ้นหรอก ของของกูเขาห้ามนักในข้อนี้ ” ท่านพ่อถึงท่านจะพูดอย่างนี้ พอถึงเวลาท่านก็จะลงจารและปลุกเสกให้ ที่ท่านพูดอย่างนั้นเท่ากับเป็นการสอนคนผู้นั้นไปในตัวว่าให้เลิกประพฤติผิดลูกผิดเมียเขาเสีย แต่ความอาถรรพ์ของตะกรุดของท่านก็มีเหมือนกัน คนที่ประพฤติผิดลูกผิดเมียชาวบ้านมักจะมีเหตุผลให้ลืมคาดตะกรุดของท่านติดตัวไปเมื่อมีเหตุการณ์คับขัน ดังเช่น เรื่องนี้ เสือจ๋ายได้เคยประสบกับ อภินิหารของตะกรุดท่านด้วยตนเอง และมาเล่าให้ท่านฟังที่วัด เสือจ๋ายมีเรื่องขัดใจอย่างรุนแรงกับผู้ที่มีตะกรุด 3 กษัตริย์ท่านพ่อคนหนึ่ง แต่คนผู้นี้มีประวัติชอบเป็นชู้กับลูกเมียชาวบ้าน เสือจ๋ายจึงไปซุ่มอยู่ใต้ถุนบ้านกะว่าจะลอดร่องยิง เสือจ๋ายเมื่อลอดร่องขึ้นไปก็เห็นตะกรุด 3 กษัตริย์ท่านพ่อแขวนไว้ที่เสา เจ้าของตะกรุดที่ตนเองจะยิงก็นอนอยู่ใกล้ๆ เสานั้น เสือจ๋ายจึงใช้ปืนลอดร่อง แต่พอจะเหนี่ยวไกปีน ตะกรุดที่แขวนไว้ที่เสาหัวนอนก็ตกลงมา ทำให้เจ้าของตะกรุดรู้ตัวจึงไปหยิบตะกรุดมาแขวนไว้อีก เสือจ๋ายถือเคร่งนักจะไม่ยอมยิงในขณะที่คนผู้นั้น ถือตะกรุดท่านพ่อไว้เป็นอันขาด ทั้งๆ ที่โอกาสดี เพราะถ้ายิงก็จะไม่เป็นการเคารพครูบาอาจารย์ของตนเองไป จะเข้าทำนองว่าลูกศิษย์คิดลองของอาจารย์ เสือจ๋ายจึงรอให้แขวนตะกรุดให้เสร็จและพอคนผู้นั้นล้มตัวลงนอน เสือจ๋ายก็ใช้ปืนลอดร่องจะยิงอีก และพอจะเหนี่ยวไก ตะกรุด 3 กษัตริย์ที่แขวนไว้ก็ตกลงมา เป็นอยู่อย่างนี้ 5 -6 ครั้ง ครั้งสุดท้ายเสือจ๋ายจึงค่อยย่องออกมา และเมื่อไปหาท่านพ่อสุ่น เล่าให้ท่านฟังว่า ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ ท่านพ่อท่านก็ว่า ” ไอ้จ๋าย ไอ้ฉิบชี่ ก็คนเขายังไม่ถึงฆาต มึงจะไปยิงเขาได้ยังไงวะ และตะกรุดกูลงให้เขาไป ก็ต้องคุ้มครองเขาบ้างสิวะ ไม่งั้นก็เสียชื่อก็หมดนะสิ ไอ้ฉิบชี่ ” แล้วท่านก็หัวเราะของท่าน นี่เป็นการแสดงถึงอำนาจพุทธคุณตะกรุด 3 กษัตริย์ ของท่านว่ายอดเยี่ยมยิ่งนัก สามารถคุ้มครองรักษาชีวิตผู้เป็นเจ้าของได้ แม้จะประพฤติชั่วก็ตามที แต่ชายผู้นี้ต่อมาก็ถูกเสือจ๋ายยิงตายจนได้ เพราะไปธุระนอกบ้านและขากลับระหว่างทางเสือจ๋ายซุ่มรออยู่ และตอนตายหามีตะกรุดท่านติดเอวไม่ และครั้งหนึ่งเสือจ๋าย ถูกนางตะเคียนหลอกหลอน เสือจ๋ายเล่าให้ท่านพ่อฟังว่า คืนหนึ่งในระหว่างที่เดินจากบ้านเขาน้อย และใกล้จะถึงโรงเรียนวันครูปัจจุบันนี้ ขณะที่ผ่านต้นตะเคียนซึ่งสูงใหญ่มากเป็นร้อยๆ ปี คืนนั้นเดือนหงาย เสือจ๋ายได้ยินเสียงต้นตะเคียนสั่นจึงหันไปมองบนยอดตะเคียนและเห็นผู้หญิงแก่คนหนึ่งได้ลงมาจากยอดตะเคียนเรื่อยลงมาจนถึงโคน นมทั้งสองข้างยาวถึงดิน ผีนางตะเคียนก็หยิบนมทั้งสองพาดบ่า นมซ้ายพาดบ่าขวา นมขวาพาดบ่าซ้าย และตรงเข้ามาหาเสือจ๋ายทำท่าจะบีบคอ แต่เสือจ๋ายหากลัวไม่ ชักปืนออกมาจะยิง พอจะยิงผีนางตะเคียนก็จะหายไป แล้วก็ปรากฎร่างขึ้นมาใหม่พอจะยิงก็หายไปอีก ผีนางตะเคียนต้นนี้แรงมาก เพราะอายุเป็นร้อยปี พัวพันเสือจ๋ายไว้อยู่นานเสือจ๋ายก็หมดปัญญา ครั้งสุดท้ายจึงอาราธนาพระพุทธคุณของท่านพ่อสุ่นเป่าไปที่ผีนางตะเคียนก็หายไป และไม่ปรากฎร่างขึ้นอีก เสือจ๋ายเมื่อไปถึงวัดเล่าให้ท่านพ่อฟัง ท่านพ่อท่านก็หัวเราะ แล้วว่า “ไอ้จ๋าย ไอ้ฉิบชี่ เดี๋ยวขากลับมึงเอาผ้ายันต์กันผีกูไป ดูซิว่าผีนางตะเคียนจะหลอกมึงอีกหรือเปล่า และมึงจงไปนอนใต้ต้นตะเคียนต้นนั้นดูสักพัก ดูซิว่ามึงจะโดนหลอกมั้ย” ผีนางตะเคียนก็หาได้กล้าหลอกหลอนไม่ คงจะคร้ามเกรงในอำนาจพุทธคุณผ้ายันต์ของท่านพ่อนั่นเอง และเรื่องตะกรุดของท่านพ่อ สมัยที่อธิบดีกรมตำรวจ พลตำรวจเอกเผ่า ศรียานนท์ ยังอยู่ ได้เคยมีคำสั่งให้ตำรวจท้องที่หาตะกรุดท่านพ่อสุ่น และสีผึ้งของท่านไปให้ แต่ไม่ทราบว่าตำรวจท้องที่หาให้ได้หรือเปล่า แสดงว่า พลตำรวจเอก เผ่า ศรียานนนท์ คงจะเคยประสบกับอภินิหารของตะกรุดกับสีผึ้งของท่านมา ไม่เช่นนั้นคงจะไม่มีคำสั่งให้ตำรวจท้องที่หาให้แน่นอน
พิธีปลุกเสกตะกรุด
- Post author:ภัทรชัย ผ่องแผ้ว
- Post published:ธันวาคม 2, 2023
- Post category:ประวัติ ท่านพ่อสุ่น
- Post comments:0 Comments