ครั้งหนึ่งท่านพ่อท่านได้ชักชวนลูกพระและชาวบ้านไปหาตัดไม้ที่เกาะช้าง จะเอามาสร้างวัด และนายถัม ก็ติดตามไปด้วย โดยใช้เรือของที่วัดไปเป็นเรือลำใหญ่ เมื่อไปถึงเกาะช้างและตัดไม้เพียงพอแล้วก็พากันกลับ และเมื่อมาถึงอ่าวสนก็พอดีฉันเช้า และกับข้าวก็ไม่มี มีแต่น้ำพริกที่ตำกับพริกแห้ง ผักที่จิ้มก็ใช้หยวกกล้วยจิ้มเอา ท่านพ่อท่านก็จะเดินมาจะร่วมฉันเช้าด้วย และพอจะนั่งท่านก็คงจะเห็นพระและลูกศิษย์ท่านอดกับข้าวกัน ท่านจึงพูดเปรยๆ ขึ้นว่า ” เออ พวกเราหนอจำปีหมีมังไม่มีกินกัน ” ซึ่งคำว่า ” จำปีหมีมัง” ของท่านหมายถึง กับข้าวที่จะกินกันที่ดีกว่านี้นั่นเอง และพอท่านนั่งลง เสียงคนแก่ก็ตะโกนว่าใครที่เป็นลูกศิษย์ลงจากเรือลุยน้ำมาเอากับข้าวถวายพระที แล้วคนแก่คนนั้นก็เดินจ้ำอ้าวจากฝั่งมาที่เรือที่จอดทอดสมออยู่
ลุงถัมบอกว่า ชายแก่คนนั้นเป็นคนที่อยู่ที่อ่าวสนนั่นเอง และเมื่อเห็นว่าลูกศิษย์ท่านพ่อลงเรือมาช้า แกก็ลงน้ำแบกกระบุงทูนหัวลุยน้ำขึ้นมาที่เรือ และยกหม้อไก่ต้มจากกระบุงถวายท่านพ่อสุ่น และกับข้าวอื่นๆ อีก 2 อย่าง ซึ่งเป็นเรื่องที่อัศจรรย์ของพวกลูกศิษย์ท่านยิ่งนัก เพราะชายแก่คนนั้นแกทำไมถึงทำกับข้าวมาถวายในช่วงพอเหมาะพอเจาะอย่างนี้ และมาตัดไม้กันและแวะพักที่อ่าวสนโดยบังเอิญจะฉันเช้าแท้ๆ ไม่รู้ว่าชายแก่คนนี้แกรู้ได้ยังไง ถึงทำกับข้าวมาถวายถูก ลูกศิษย์ทุกคนจึงยกมือโมทนา สาธุและสรรเสริญบุญบารมีของท่านไปตามๆ กัน